ผึ้งกำลังถูกคุกคามด้วยโรคและเกษตรเคมี
มีรายงานข่าวจากบทความ Saving the Honeybee นิตยสาร Scientific American ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเมษายน 2552 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ของผึ้งเลี้ยงในสหรัฐอเมริกา ที่ประสบกับการคุกคามด้วยโรคและระบบเกษตรเคมี

ผึ้งมีส่วนสำคัญมากในการผสมเกสรให้กับพืชพรรณนับร้อยชนิด รวมถึงพืชอาหารที่มนุษย์ปลูกไว้บริโภค ราวหนึ่งในสามของการเพาะปลูกพืชโดยเกษตรกรต้องอาศัยผึ้งช่วยในการผสมเกสร โดยเฉพาะผึ้งเลี้ยง ที่ผู้เลี้ยงอพยพย้ายรังผึ้งไปตามสวนผลไม้และฟาร์มต่างๆ เพื่อให้ผึ้งช่วยผสมเกสรกับต้นแอ็บเปิ้ล เมล่อน ฟักทอง บลูเบอรี่ และในขณะเดียวกัน ผู้เลี้ยงผึ้งก็ได้รับค่าตอบแทนจากน้ำหวานและเกสรจากดอกไม้ที่ผึ้งได้รวบรวมมาไว้ การช่วยผสมเกสรของผึ้งกับพืชต่างๆ ทั่วโลกนี้มีมูลค่าราว 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

แต่ในช่วงปลายปี 2549 เป็นต้นมา ผู้เลี้ยงผึ้งในสหรัฐอเมริกาเริ่มสังเกตุพบว่า ผึ้งเริ่มหายสาบสูญไปจากรังโดยไม่รู้สาเหตุ โดยไม่พบว่ามีผึ้งตายในรัง แต่หายตัวไปเฉยๆ ซึ่งนักวิชาการเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า “การล่มสลายของฝูงผึ้งที่ผิดปกติ” (colony collapse disorder – CCD) ในปีถัดมา มีการสำรวจพบว่าราวหนึ่งในสี่ของผู้เลี้ยงผึ้งในสหรัฐพบปัญหาผิดปกติดังกล่าวกับฝูงผึ้งเลี้ยงของตัวเอง และปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2551 ซึ่งมีฝูงผึ้งเลี้ยงในสหรัฐราว 750,000 – 1,000,000 รังที่พบปัญหานี้ในช่วงระหว่างปี 2550-51 (จากทั้งหมดที่มีการเลี้ยงผึ้งประมาณ 2.4 ล้านรัง)

นักวิจัยได้พยายามศึกษาหาสาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว โดยได้สันนิฐานสาเหตุไว้ 3 ด้านคือ

(ก) มีการระบาดของเพลี้ยวาร์รัว (varroa mite) ซึ่งเป็นแมลงศัตรูของผึ้งเลี้ยง โดยเพลี้ยตัวเมียเต็มวัยจะดูดกินเลือดของผึ้ง อีกทั้งยังปล่อยเชื้อไวรัสที่เป็นโรคให้กับผึ้งในรังด้วย

(ข) เกิดโรคระบายในผึ้ง โดยเฉพาะจากเชื้อไวรัสต่างๆ ซึ่งมีเชื้อไวรัสบางตัวที่เคยเกิดการระบาดขึ้นมาก่อน แต่ก็มีเชื้อตัวใหม่ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน โดยเฉพาะเชื้อไวรัสอิสราเอลที่ทำให้ผึ้งเป็นอัมมาพาตอย่างกระทันหัน (Israeli acute paralysis virus)

(ค) เกิดจากสารพิษ Bt ที่มาจากการปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรม ที่เป็นอันตรายต่อผึ้งด้วย

(ง) เกิดจากการใช้สารเคมีการเกษตร โดยเฉพาะสารเคมีกำจัดเพลี้ยในการเลี้ยงผึ้งเอง และสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอื่น ซึ่งเป็นพิษต่อผึ้ง

(จ) ภูมิคุ้มกันของผึ้งลดลง เนื่องจากอาหารของผึ้งมีความหลากหลายลดลงมาก เช่น การปลูกพืชแบเชิงเดี่ยว โดยไม่ปล่อยให้มีพืชพื้นถิ่นอื่นขึ้นบริเวณขอบแปลง หรือแม้แต่ริมถนนและตามบ้าน ที่ปลูกแต่หญ้าให้ดูเรียบร้อย ทำให้ผึ้งขาดสารอาหารสำคัญจนส่งผลกระทบต่อภูมิต้านทานโรคของผึ้ง
เหมือน

หลังจากที่มีการวิจัยและทดสอบหลายอย่าง ในท้ายสุด นักวิจัยส่วนใหญ่สรุปว่า อาการผิดปกติของผู้เกิดจากหลายปัจจัย คือ เริ่มจากการที่ผึ้งมีภูมิต้านทานลดลง อันเนื่องมาจากอาหารผึ้งมีความหลากหลายลดลง ประกอบกับการได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูต่างๆ ที่มีใช้ในการเกษตรเพิ่มขึ้น เมื่อภูมิต้านทานลด เชื้อไวรัสใหม่ คือ เชื้อไวรัสอิสราเอลจึงระบาด และทำให้ผึ้งตาย

นอกเหนือจากผึ้งแล้ว ยังมีแมลงที่ช่วยผสมเกสรอื่นๆ อีกกว่า 200,000 ชนิด ซึ่งแมลงเหล่านี้มีจำนวนลดลงอย่างมาก เนื่องจากระบบเกษตรที่ใช้สารเคมี จนเริ่มส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกพืช และในปี 2551 รัฐสภาสหรัฐต้องออกนโยบายให้มีมาตรการอนุรักษ์แมลงผสมเกสรขึ้นเป็นพิเศษ