กระเจี๊ยบแดง [5604MTC]

กระเจี๊ยบแดง [5604MTC]

Green Net Cooperative and the Earth Net Foundation established an organic seed center in Chiang Mai to produce a number of open-pollinated local-variety organic vegetable seed.  These is available only for the local market (Thailand).
To check for stock of what are available, place orders, etc.

email: admin @ greennet.or.th  or call our office 02- 277-9380 during working hours Monday to Friday.

 

สนใจเมล็ดพันธุ์ ติดต่อสั่งซื้อได้หลากหลายช่องทาง
1. ทางข้อความ inbox มาในเพจ Greennet Organic Center
2. Line ID : Mathana1980
3. โทร. 085-032-6642

กระเจี๊ยบแดง (Hibiscus sabdariffa) เป็นพืชวันสั้น คือจะออกดอกเมื่อช่วงกลางวันสั้นลง (เข้าฤดูหนาว) จึงควรปลูกในช่วงกลางหรือปลายฤดูฝน เพื่อให้เจริญเติบโตได้เต็มที่ก่อนที่จะออกดอก

ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
ดอกใหญ่ มีสีแดงเลือดหมู ทนแล้งได้ดี ให้ผลผลิตดก น้ำหนักดี

ดิน/สภาพอากาศที่เหมาะสม
เป็นพืชที่ชอบแดด ง่ายต่อการดูแลรักษา ปลูกได้กับดินทุกสภาพ

คำแนะนำในการปลูก
ใช้เมล็ดหว่านห่างๆ บนแปลงที่ไถแล้ว หรือปลูกเป็นแถวยาวให้หยอดเมล็ด 3-4 เมล็ดต่อหลุม จากนั้นเมื่อต้นกล้ามีใบจริงสองใบค่อยถอนแยกให้เหลือหลุมละ 2 ต้น

ระยะห่างระหว่างต้น x แถว
60ซม. x 80 ซม. เหมาะที่จะปลูกแปลงกลางแจ้ง กรณีบางบ้านมีเนื้อที่จำกัดอาจจะปลูกหรือหว่านในกระถางได้โดยปลูกแค่ 1 ต้นพอแต่ต้นพืชต้องได้รับแสงแดดเพียงพอ

การดูแลและบำรุงรักษา
การให้ปุ๋ย ครั้งที่ 1,2 เมื่อต้นพืชอายุได้ 40 วัน, 80 วัน ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว (ให้สังเกตพืชด้วย การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรให้แห้งหรือแฉะมากเกินไป (ให้คอยสังเกตที่ดินปลูก)

โรค – แมลง
กรณีโรคยังไม่พบ แต่จะมีแมลงมารบกวนเจาะกินเมล็ดและใบบ้างเล็กน้อย

ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว  
อายุการเก็บเกี่ยวประมาณฝักสด 70-80 วัน หลังปลูก

การเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อทำพันธุ์ต่อไป
เมื่อกระเจี๊ยบแดงอายุ 180 วัน ก็สามารถทยอยเก็บได้เรื่อยๆ จนหมดต้น โดยเลือกตัดดอกที่มีขนาดใหญ่ก่อน แล้วนำมาคว้านเอาเมล็ดออก ส่วนเนื้อสามารถนำไปตากทำชาหรือแยมกระเจี๊ยบได้ ส่วนเมล็ดให้นำไปตากแดด 3-4 แดด ให้แห้ง เมื่อแห้งให้เอาใส่ในกระสอบแล้วขึ้นเหยียบไปมาเมล็ดก็จะหลุดออกจากกระเปราะ แล้วก็นำออกมาทำความสะอาดโดยการใช้กระด้งผัดเอาเศษละอองฝุ่นต่างๆและเมล็ดที่ไม่ดีออกให้หมด แล้วค่อยเก็บใส่ถุงกระดาษและเขียนชื่อและวันเดือนปีที่เก็บแล้วพับใส่ในถุงพลาสติกเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาอัตราการงอกและลดการหายใจของเมล็ดพันธุ์ให้น้อยที่สุด จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ได้นานเกิน 2 ปีขึ้นไป

จดหมายข่าว

x
X