ในปี 2565 ขณะที่ทั่วโลกยังคงต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์โควิด แต่เกษตรอินทรีย์โลกขยายตัวมากว่า 126.875 ล้านไร่ (26.6%) นับเป็นการเติบโตแบบค่อนข้างก้าวกระโดด โดยส่วนใหญ่ เป็นการขยายพื้นที่การเลี้ยงสัตว์ในประเทศออสเตรเลีย ที่ขยายตัวมากถึง 108.125 ล้านไร่

ในขณะที่เกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ก็ขยายตัวสูงถึง 26% ทำให้มีเกษตรกรอินทรีย์มากถึง 4.5 ล้านครอบครัว โดยกว่าครึ่ีง (2.5 ล้านครอบครัว) อยู่ในประเทศอินเดีย

ส่วนตลาดเกษตรอินทรีย์โลกก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แตะ 135,000 ล้านยูโร โดยตลอาดใหญ่ 3 ลำดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา (56,600 ล้านยูโร) เยอรมัน (15,300 ล้านยูโร) และจีน (12,400 ล้านยูโร)

พื้่นที่เกษตรอินทรีย์ในยุโรปขยายตัว 5.1% ในปี 2565 ข้ามผ่านเส้น 10% (105.625 ล้านไร่) โดยมีเกษตรกรที่ได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์รวมกันกว่า 480,000 ครอบครัว แต่ในขณะกัน ตลาด (ขายปลีก) ในยุโรปในช่วงปีก่อนกลับหดตัวลดลง 2.2% โดยมีมูลค่ารวมราว 53.1 ล้านยูโร 3 ประเทศที่การค้าเกษตรอินทรีย์มีสัดส่วนสูงที่สุด คือ เดนมาร์ค (12.0%) ออสเตรีย (11.5%) และสวิสเซอร์แลนด์ (11.2%)

ในส่วนของประเทศไทย (จากการสำรวจโดยมูลนิธิสายใยแผ่นดิน/กรีนเนท ที่ส่งรายงานให้กับทาง FiBL) พื้นที่เกษตรอินทรีย์ ณ สิ้นปี 2565 น่าจะมีมากถึง 121,540 ครอบครัว โดยปลูกพืชเกษตรอินทรีย์รวมกันกว่า 1.509 ล้านไร่ และเก็บผลผลิตจากป่า/ธรรมชาติ 0.567 ล้านไร่ โดยพืชที่มีการปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์มากที่สุดคือ ข้าว (1.240 ล้านไร่)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหนังสือ The World of Organic Agriculture: Statistics and Emerging Trends 2024 [ดาวน์โหลด]